เมนู

เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ 8


1. วัจฉปาลเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระวัจฉปาลเถระ


[208] ได้ยินว่า พระวัจฉปาลเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
พระโยคาวจรผู้มีปกติเห็นเนื้อความอันสุขุมและ
ละเอียด ผู้มีปัญญาเฉียบแหลม ผู้ประพฤติศีลของ
พระพุทธเจ้าโดยเอื้อเฟื้อ พึงได้บรรลุพระนิพพาน
โดยไม่ยาก.

วรรควรรณนาที่ 8


อรรถกถาวัจฉปาลเถรคาถา


คาถาของท่านพระวัจฉปาลเถระ เริ่มต้นว่า สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ก็มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บังเกิดใน
ตระกูลพราหมณ์ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ ประสบความสำเร็จในศิลปศาสตร์
ของพราหมณ์ บำเรอไฟอยู่ วันหนึ่ง เอาถาดสำริดใบใหญ่ใส่ข้าวปายาสไป

แสวงหาพระทักขิไณยบุคคลเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า วิปัสสี
เสด็จจงกรมอยู่ในอากาศ เกิดอัศจรรย์บันดาลใจ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า แสดงความประสงค์จะถวาย (ข้าวปายาส). พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง-
อาศัยความอนุเคราะห์ รับข้าวปายาสไว้.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิด
เป็นบุตรของพราหมณ์ ผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติในพระนครราชคฤห์ ในพุทธุป-
บาทกาลนี้ ได้มีนามว่า วัจฉปาละ เมื่อพระอุรุเวลกัสสปเถระ แสดงอิทธิ-
ปาฏิหาริย์ ในสมาคมแห่งพระเจ้าพิมพิสาร แล้วแสดงความนอบน้อมถ่อมตน
แด่พระบรมศาสดา วัจฉปาลพราหมณ์เห็นดังนั้น ได้ศรัทธาจิต บวชแล้ว
พอบวชได้ 7 วันเท่านั้น ก็เจริญวิปัสสนา ได้อภิญญา 6. สมดังคาถา
ประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เราต้องการจะบวงสรวงบูชายัญ จึงคดข้าว
ปายาสใส่ในถาดสำริด ด้วยมือของตนแล้วไปสู่ป่างิ้ว
ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้า มีพระฉวีวรรณดังทองคำ มี
พระลักษณะประเสริฐ 32 ประการ แวดล้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์ เสด็จออกจากป่าใหญ่ สมัยนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้า เชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐกว่านระ
เสด็จขึ้นเดินจงกรมในอากาศ อันเป็นทางลม เราเห็น
ความอัศจรรย์ อันไม่เคยเป็นขนลุกชูชันนั้นแล้ว
วางถาดสำริดลง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรง.
พระนามว่า วิปัสสี ทูลว่า ข้าแต่มหามุนี พระองค์
เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในโลก พร้อมทั้งเทวโลก
และมนุษยโลก ขอจงทรงอนุเคราะห์ รับข้าวปายาส

ของข้าพระองค์เถิด พระผู้มีพระภาคเจ้า สัพพัญญู
ผู้นำของโลก เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก ทรงทราบ
ความดำริของเราแล้ว ทรงรับ ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัป
นี้ เราได้ถวายทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เรา
ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวปายาส
ในกัปที่ 41 แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
จอมกษัตริย์ พระนามว่า พุทโธ สมบูรณ์ด้วย
แก้ว 7 ประการ มีพลมาก เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว
ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว
ดังนี้.

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะประกาศความที่พระ-
นิพพานอันตนบรรลุแล้วโดยง่ายดาย จึงได้กล่าวคาถานี้ว่า
พระโยคาวจรผู้มีปกติ เห็นเนื้อความอันสุขุม
และละเอียด ผู้มีปัญญาเฉียบแหลม ผู้ประพฤตินอบ-
น้อม ถ่อมตน ผู้ประพฤติศีลของพระพุทธเจ้า โดย
เอื้อเฟื้อ พึงบรรลุพระนิพพานได้โดยไม่ยาก ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา ความว่า
พระโยคาวจรยกสังขารขึ้นสู่ไตรลักษณ์ มีความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้นแล้วเห็น
เนื้อความในธรรมมีอริยสัจและปฏิจจสมุปบาทเป็นต้น ที่ชื่อว่า สุขุม เพราะ
อรรถว่า เห็นได้ยากอย่างยิ่ง ชื่อว่า ละเอียด เพราะอรรถว่า ละเอียดอ่อน.
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสี อันพระโยคาวจรผู้มีปกติ
เห็นเนื้อความอันสุขุมและละเอียดนั้น.

บทว่า มติกุสเลน ความว่า ผู้มีปรีชา คือ ปัญญาฉลาดเฉียบแหลม
ได้แก่ ฉลาดในการยังธรรมวิจยสัมโพชฌังคปัญญาให้เกิดขึ้นว่า ปัญญาย่อม
เจริญแก่ผู้ประพฤติอย่างนี้ ไม่เจริญแก่ผู้ประพฤติอย่างนี้ ดังนี้.
บทว่า นิวาตวุตฺตินา ความว่า มีปกติประพฤตินอบน้อมถ่อมตน
ในเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย และประพฤติปฏิบัติโดยสมควรในพระเถระผู้สูง
อายุและในภิกษุใหม่.
บทว่า สํเสวิตพุทฺธสีลินา ความว่า ศีลของพระพุทธเจ้า
อันพระโยคาวจรช่องเสพแล้ว คือประพฤติแล้วโดยเอื้อเฟื้อ ชื่อว่า ผู้มีศีล
ของพระพุทธเจ้าอันประพฤติแล้วโดยเอื้อเฟื้อ อันพระโยคาวจรผู้มีศีลของ
พระพุทธเจ้า อันประพฤติแล้วโดยเอื้อเฟื้อนั้น. อีกอย่างหนึ่ง ศีลของพระ-
พุทธเจ้า อันพระโยคาวจรนั้น ช่องเสพแล้ว คือเข้าไปบำเรอแล้ว เพราะ
เหตุนั้น จึงชื่อว่า มีศีลของพระพุทธเจ้าอันเสพแล้ว อันพระโยคาวจรผู้มี
ศีลของพระพุทธเจ้าอันเสพแล้วนั้น.
หิ ศัพท์ มีเหตุเป็นอรรถ ขยายความว่า เพราะพระโยคาวจรมีความ
ประพฤติถ่อมตน มีศีลของพระพุทธเจ้าอันช่องเสพแล้ว มีปัญญาเฉียบแหลม
มีปกติเห็นเนื้อความอันสุขุมและละเอียด ฉะนั้น พระนิพพานอันพระโยคาวจร
นั้น จึงได้โดยไม่ยาก. อธิบายว่า บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสำคัญพระโยคาวจร
นั้นว่า ควรโอวาท ควรสั่งสอน เพราะเป็นผู้มีปกติประพฤติอ่อนน้อม และ
เพราะเป็นผู้มีศีลของพระพุทธเจ้าอันตนช่องเสพแล้ว ทั้งพระโยคาวจรนี้ ก็ตั้ง
อยู่ในโอวาทของบัณฑิตเหล่านั้น บำเพ็ญวิปัสสนา ย่อมบรรลุพระนิพพาน
ต่อกาลไม่นานนัก เพราะเป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม และเพราะเป็นผู้มีปกติ
เห็นเนื้อความอันสุขุมและละเอียด ดังนี้ ก็คาถานี้นั่นแหละ ได้เป็นคาถา
พยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถระ ฉะนี้แล.
จบอรรถกถาวัจฉปาลเถรคาถา

2. อาตุมเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระอาตุมเถระ


[209] ได้ยินว่า พระอาตุมเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
หน่อไม้มียอดอันงอกงาม เจริญด้วยกิ่งก้านโดย-
รอบ ย่อมเป็นของที่บุคคลขุดขึ้นได้โดยยาก ฉันใด
เมื่อโยมมารดานำภรรยามาให้ฉันแล้ว ถ้าฉันมีบุตร
หรือธิดาขึ้น ก็ยากที่จะถอนตนออกบวชได้ฉันนั้น
เพราะฉะนั้น ฉันจึงบวชแล้วในบัดนี้.

อรรถกถาอาตุมเถรคาถา


คาถาของท่านพระอาตุมเถระ เริ่มต้นว่า ยถา กฬีโร สุสุ
วฑฺฒิตคฺโค
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้ท่านก็มีอธิการอันกระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สั่งสมบุญ
อันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ บังเกิด
ในเรือนแห่งตระกูล ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนาม
ว่า วิปัสสี ทรงดำเนินไปในระหว่างถนน มีใจเลื่อมใส ได้ทำการบูชาด้วย
น้ำหอม และด้วยจุณแห่งของหอม. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านบังเกิดในเทวโลก
ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ในเทวโลกเท่านั้น บวชในศาสนาของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ทรงพระนามว่า กัสสปะ แล้วบำเพ็ญสมณธรรม แต่ไม่สามารถจะ
ทำคุณพิเศษให้เกิดขึ้นได้ เพราะญาณยังไม่แก่กล้า.